PREVIEW หนังสือจวบจนสิ้นแสงแดงดาว

PREVIEW หนังสือจวบจนสิ้นแสงแดงดาว

จวบจนสิ้นแสงแดงดาว เป็นนวนิยายเล่มแรกที่ผมเขียนโดยใช้นามปากกา “กิตติศักดิ์ คงคา” หลังจากที่ใช้นามปากกา “นายพินต้า” กับ “ลงทุนศาสตร์” มาโดยตลอด


จวบจนสิ้นแสงแดงดาว เป็นนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ยุคการเมืองเปลี่ยนผ่านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หากเทียบกับในประเทศไทยก็ประมาณช่วง 14 ตุลา – 6 ตุลา หลังจากสิ้นสุดสงครามเวียดนามไม่นาน เรื่องราวเกือบทั้งหมดเกิดขึ้นที่ประเทศกัมพูชา ในยุคที่เขมรแดงกำลังรุ่งเรืองและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ครั้งใหญ่ของโลกกำลังจะเกิดขึ้น

 

เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ “รุธิระ” ชายหนุ่มสมาชิกตระกูลชนชั้นสูงของพนมเปญตัดสินใจรับชายคนหนึ่งนาม “อุทิศ” มาเป็นผู้ดูแลความเรียบร้อยภายในบ้าน จนกระทั่งเกือบขวบปีผ่าน เพลิงโหมแห่งคอมมิวนิวต์ก็รุกเร้าเร่งเข้ามาในพนมเปญมากขึ้นทุกที สองนายบ่าวกึ่งคุ้นเคยกึ่งแปลกหน้าจึงต้องพากันระหกระเหเร่ร่อนหนีภัยสงคราม โดยมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่สุดเขตข้ามเทือกเขาบรรทัดไปยังฝั่งประเทศไทย

 

เนื้อหาอ่านง่าย ถึงแม้ว่าจะมีฉากหลังเป็นสงคราม แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความหวังของการมีชีวิตอยู่

 

“บางตื่นบางฝัน ผู้ยังความทรงจำลุกขึ้นร้องไห้ แม้จะอยากลืมเลือนแค่ไหน แต่บางสิ่งที่ประทับไว้ไม่อาจลบล้างได้โดยง่าย กาลครั้งหนึ่งเมื่อไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา นิทานแห่งความดำมืดของยุคสมัยถูกบรรเลงท่วงทำนองอันไร้ซึ่งอารยธรรมขึ้นที่นี่ วาทยากรผู้โหดร้ายไม่เคยแสดงตัวจากเงามืด โลกไม่อาจซุกโศกนาฎกรรมไว้ได้แต่ใต้พรม มนุษย์จำต้องเรียนรู้ มองเห็น หวาดกลัวความหวาดกลัวที่ดำรงอยู่ในกาลก่อนหน้า...ความทรงจำจำต้องถูกจดจำ”

 

REVIEW จากนักอ่านชุดแรก “เล่มที่หกจากกองดอง”

 

“ชีวิตสร้างจากความหวังหรือความหวังสร้างจากชีวิต”

 

เมื่อสงครามนรกในเขมรกำลังปะทุ รุธิระและอุทิศ สองชายนายกับบ่าว ต้องหนีเอาตัวรอดจากพนมเปญและข้ามมาฝั่งไทย การเอาตัวรอดในช่วงเวลาที่ทั่วโลกกำลังร้อนระอุ นี่อาจเป็นช่วงสุดท้ายของชีวิตของเขาทั้งคู่

 

สำหรับคนที่ไม่รู้ประวัติศาสตร์ยุคเขมรแดงไม่ต้องกังวล ตลอดเล่มจะค่อยๆเล่าเหตุการณ์เชื่อมโยงทำให้เข้าใจโดยง่าย ไม่เสียจังหวะการเร่งเร้าเอาตัวรอด และอารมณ์อ่อนไหวของเรื่อง

 

ด้วยความบกพร่องบางประการของรุธิระ การผจญภัยเอาชีวิตรอดของเขาเข้มข้นมากขึ้น ด้วยวิธีการเล่าจากภาษาสวิงสวายวรรณกรรมปล่อยของที่บางคำผมก็ยังอ่านออกเสียงตามไม่ถูก แต่ก็ช่วยขับเรื่อง ทำให้เรารับทราบจากความรู้สึกเยอะเป็นพิเศษ สัมผัสที่ผู้อ่านจะได้ลิ้มรสอย่างละเอียดไปกับตัวละคร เรียกว่าทุกครั้งที่เขาทุกข์ คุณก็จะทุกข์ปวดแสบปวดร้อนไปกับเขาไม่น้อยไปกว่ากัน

 

ในส่วนของพล็อตนั้นสนุกตื่นเต้น เหมือนได้ติดกล้องโกโปรอยู่บนเป้สะพายหลัง กระเด้งกระดอนไปกับเส้นทางและอุปสรรคที่ต้องเจอ ก้มหลบในหลืบมุมเพื่อเอาชีวิตรอด อยากช่วยตัวละครเอามือปิดปากเก็บเสียง ลูบหลังเวลามันกลัว ในขณะที่เราก็กลัวไม่น้อยไปกว่ากัน

 

สำหรับคนรักหนังสือ เล่มนี้มีเนมดร็อปและเป็น easter egg  ด้วยสอดคล้องกับเรื่องราวและมีการแฝงความหมายหลากหลายจุดที่ถ้าใครดูออกก็จะต้องว้าววว (แน่นอนผมก็ดูไม่ออกตอนแรก5555) และบทเรียนสำคัญของเล่มนี้ที่เล่าออกมานั้น ชวนให้มองเห็นถึงคุณค่าและความหมายของการมีชีวิต

 

ปล. เล่มบาง อ่านสนุก ปกสวยด้วยฝีมือจากนักรบ มูลมานัสด้วยยยย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้